บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ศัพท์ยังแปลผิด


กลับเข้ามาที่ประเด็นหลักของบทความชุดนี้ คือ มีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับพุทธพจน์ “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา” ว่า คำว่า “ธรรม” ในพุทธพจน์นั้น เป็นนิพพานใช่หรือไม่?

ผู้ตั้งกระทู้สันนิษฐานว่า ต้องใช่อย่างแน่นอน เพราะไม่อย่างนั้น จะเห็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไรต่อมามีผู้มาตอบกระทู้ถามดังกล่าวว่า

ถ้าจะตีความในอีกลักษณะหนึ่งก็เรียกได้ว่า
เห็น = การแจ้งในสิ่งๆ นั้น
พุทธะ = ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
การเห็นตถาคต ก็คือ เห็นพุทธะ
การเห็นพุทธะ ก็คือการแจ้งในสัจธรรม เป็นการเข้าสู่การตื่น เป็นผู้รู้ และเบิกบาน
สิ่งเหล่านี้ก็คือลักษณะเบื้องต้น เบื้องกลาง และเบื้องปลาย  สุดท้ายก็คือนิพพานนั่นเอง

ต่อมามีคนยกยอผู้ตอบกระทู้ว่า เป็นผู้ฉลาดล้ำเกินมนุษย์ปกติทั่วๆ ไป

ผู้ตอบกระทู้ตอบรับคำสรรเสริญเยินยอดังกล่าว ด้วยข้อความพยายามถ่อมตัว โดยตอบว่า เป็นการแปลตามตัวอักษร

แต่ก็มาย้ำเพื่อแสดงนัยยะถึงความเก่งกล้าของตนเองที่มีมากกว่าบุคคลอื่นๆ ว่า  ผมชอบอะไรที่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้โดยง่าย”

ผมได้อธิบายไปแล้วเกี่ยวกับ “องค์ความรู้” ต่างๆ ที่ต้องมาโต้แย้งกับคำตอบโง่ๆ นั้น  บทความนี้ก็มาถึงการอธิบายว่า คนตอบกระทู้ดังกล่าวมีความโง่เง่าหรือความฉลาดอยู่ในระดับใด

ข้อความแรกเลยก็คือ การที่ผู้ตอบกระทู้ตอบคำยกยกปอปั้นว่า  “ผมชอบอะไรที่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้โดยง่าย” ว่า เป็นการแปลตามตัวอักษร

ผมขอยืนยัน เดินยัน พร้อมทั้งนอนยันว่า ข้อความที่ตอบกระทู้ดังกล่าว ไม่ได้เป็นการแปลตามตัวอักษร  และผู้ตอบกระทู้ดังกล่าว

"ไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ" ทางด้านภาษาศาสตร์แม้แต่นิดเดียว

และคำอธิบายดังกล่าว "ไม่ได้เป็นการทำให้เข้าใจโดยง่าย" แม้แต่น้อย เจ้าของกระทู้ละเมอเพ้อพกไปกับคำชม เพราะ เป็นคนบ้ายอเท่านั้น

คนที่พยายามยกยอปอปั้น ผู้ตอบกระทู้ก็ไม่ได้เข้าใจ พุทธพจน์ที่ว่า "ผู้ใดเห็นดวงธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นเห็นดวงธรรม" เช่นเดียวกัน

คำตอบของกระทู้ดังกล่าวนั้น เป็นการตีความของผู้ตอบกระทู้ โดยผู้ตอบกระทู้ได้นำศัพท์ใหม่เข้ามาอธิบายข้อความดังกล่าวอีกหลายคำ

โดยมิได้บอกที่มาว่า มาจากพระไตรปิฎกฉบับใด มาจากพจนานุกรมฉบับใด และไม่ได้อธิบายตามหลักวิชาการทางด้านภาษาศาสตร์เลยว่า ตรงกัน/มีความหมายเหมือนกันเพราะเหตุใด ดังนี้

ข้อความนี้  “เห็น = การแจ้งในสิ่งๆ นั้น

ผู้ตอบกระทู้ แปลคำว่า “เห็น” คือ “การแจ้ง”

คำว่า “เห็น” นั้นเป็นคำกริยา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายว่า

“ก. อาการของตาที่ประสบรูป, ปรากฏแต่ตา, ปรากฏแก่ใจ, คิดรู้

ส่วนคำว่า “แจ้ง” นั้น พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายไว้ 2 ความหมายคือ คำกริยาและคำวิเศษณ์

คำกริยาให้ความหมายว่า “ ก. แสดงให้รู้, บอกให้รู้, เช่น แจ้งความประสงค์.”  ส่วนคำวิเศษณ์ให้ความหมายว่า “ว. กระจ่าง, สว่าง, ชัด, เช่น แจ้งใจ

คำว่า “การแจ้ง” ในทางภาษาศาสตร์แล้ว เป็นคำนาม (noun) ที่มีรากศัพท์มาจากคำว่า “แจ้ง” ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ (adjective) [ในภาษาไทย หมวดคำวิเศษณ์ได้รวมทั้งคำคุณศัพท์ (adjective) และคำกริยาวิเศษณ์ (adverb) ไว้ในหมวดเดียวกัน]

โดยตำแหน่งหน้าที่ของคำแล้วคำคุณศัพท์ (adjective) จะทำหน้าที่ขยายคำนาม หรืออธิบายสภาพของประธาน เช่น ฟ้าแจ้งแล้ว เป็นต้น

แต่เมื่อต้องการนำความหมายของคำคุณศัพท์ (adjective) ไปกล่าวถึงเป็นเรื่องหลัก อาจจะทำหน้าเป็นประธานหรือเป็นกรรมก็แล้วแต่

ในทางหลักภาษาจะต้องแปลงคำคุณศัพท์ (adjective) ให้เป็นคำนามเสียก่อน แล้วจึงจะนำไปใช้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการผิดไวยากรณ์ของภาษา

ในภาษาไทย อาจจะใช้การเติมคำว่า “การ” หรือ “ความ” นำหน้า  เช่น คำว่า “ดี” ก็เป็น “ความดี” คำว่า “งาม” ก็เป็น “ความงาม”  สำหรับคำว่า “แจ้ง” ก็เป็น “การแจ้ง”

ดังนั้น คำว่า “เห็น” จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะไปแปลว่า “การแจ้ง” เพราะ ไม่ได้ทำให้เข้าใจดีขึ้น

อันที่จริงแล้ว คำว่า “เห็น” ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแปลความหมายด้วยคำอื่นๆ อีก คำว่า “เห็น” ก็มีความหมายในตัวเองชัดเจนดีแล้ว

ปัญหาในข้อความดังกล่าวนั้น ไม่ได้เกิดจากศัพท์ว่า “เห็น” แต่เกิดจากคำในส่วนอื่นๆ คือ อะไรเป็นสิ่งที่ถูกเห็น  และการเห็นนั้นใช้ “ตา”อะไร…

โดยสรุป

ผู้ตอบกระทู้ไม่ได้มีความรู้อะไร คำถามที่ว่า “คำว่า “ธรรม” ในพุทธพจน์นั้น เป็นนิพพานใช่หรือไม่?” นั้น  คนถามก็ถามมั่วไป เพราะ รู้ว่าพระพุทธเจ้าอยู่บนอายตนะนิพพาน  เราจะเห็นพุทธเจ้าได้ก็ต้องเห็นในนิพพาน

ผู้ถามจึงตีความคำว่า “ธรรม” ใน “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา” ว่าคือ นิพพาน

ผู้ตอบก็อยากจะอวดความโง่ เนื่องจากคงเคยอ่านข้อความที่ว่า “แจ้งในนิพพาน”  และคงมีความเห็นไปในทำนองเดียวกับคนถาม

จึงแปลว่า “เห็น” ใน “เห็นธรรม” เป็นแจ้งนิพพานเสียเลย

โง่ดีแท้ๆ.........




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น